"ขนมผิงโบราณ" ขนมไทยกลิ่นหอม รสหวาน กินแล้วละลายในปากทันที มีสีน้ำตาลอ่อน เก็บไว้กินได้นานวัน แต่ปัจจุบันนี้ขนมผิงมีทั้งสีขาวนวล สีเขียวอ่อน และสีชมพูอ่อน เนื้อแป้งก็ทำแข็งขึ้น เพราะถ้าทำเป็นขนมผิงโบราณ เมื่อบรรจุถุงขายขนมจะแตกง่าย และถ้าอยากกินขนมผิงโบราณจริงๆ ต้องทำกันเอง
ขนมผิงโบราณ ทำได้ไม่ยากเลย เพียงแต่ต้องอาศัยเวลาและประสบกาณ์ จึงจะทำได้ลักษณะดี คือกินแล้วต้องละลายในปากทันที ซึ่งมีข้อระวังหลายประการ ประการแรกต้องเลือกส่วนผสมที่ดี อย่างแป้งมันก็ต้องใช้อย่างดี ไข่ไก่ต้องสดใหม่ กะทิก็ต้องคั้นใหม่ๆ จึงจะหอมมัน และออกรสหวานเล็กน้อย
ประการต่อมาเป็นเรื่องของการเตรียมส่วนผสม แป้งมันต้องคั่วด้วยไฟอ่อนๆ จนแป้งสุกออกสีน้ำตาลอ่อนๆ ชั้นหนึ่งก่อน อบแป้งด้วยควันเทียน ขนมผิง จึงจะมีความหอมละมุน และในการเคี่ยวน้ำตาลกับกะทิ ต้องเคี่ยวให้เป็นยางมะตูม คือเมื่อตักส่วนผสมยกขึ้นจะไหลเป็นสาย
ประการสุดท้าย ในขั้นของการผสมแป้ง เมื่อคนแป้งกับน้ำตาลที่เคี่ยวแล้ว ต้องหมักทิ้งไว้ 1 คืนในตู้กับข้าวเพื่อให้แป้งดูดซับน้ำตาลที่เคี่ยว จึงเอาแป้งมาปั้นให้เป็นก้อนเท่าๆ กัน เรียงในถาดให้เป็นแถว และเว้นช่องไฟไว้ด้วยเพื่อให้แป้งขยายตัวเมื่ออบ อบจนขนมผิงมีสีเหลืองนวลเล็กน้อยเป็นอันใช้ได้
ขนมผิงโบราณทำแล้วควรบรรจุในโหลแก้วเล็กๆ ผูกโบว์สวยๆ จะดีกว่าใส่ถุง ใช้แจกเป็นของขวัญในวันปีใหม่ หรือวันแห่งความรัก โดยเลือกแต่สีชมพูอ่อน เรียกว่าคนให้ก็ทำด้วยความตั้งใจ ผู้รับก็อิ่มอกอิ่มใจเช่นเดียวกัน
#ส่วนผสม
- แป้งมันอย่างดี2 1/2 ถ้วย
-ไข่แดงของไข่ไก่ 4 ฟอง
- มะพร้าวขูดใหม่ๆ 500 กรัม
- น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย
- ถาดทาน้ำมันบางๆ สำหรับอบขนม
#วิธีทำ...
1. คั่วแป้งมันด้วยไฟอ่อนๆ ให้แป้งสุก
2. คั้นมะพร้าวด้วยน้ำอุ่น 1/2 ถ้วย คั้นให้ได้กะทิ 1 1/4 ถ้วย
3. ใส่น้ำตาล- กะทิ ลงในกระทะทอง ตั้งไฟกลางค่อนข้างอ่อน เคี่ยวจนเป็นยางมะตูม ยกลงทิ้งให้เย็น ใส่ไข่แดง คนพอเข้ากัน
4. ร่อนแป้งใส่ส่วนผสมข้อ 3 คนให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 1 คืน ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมเล็ก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ซม. จนหมด
5. นำมาเรียงใส่ถาดที่ทาน้ำมันบางๆ อบไฟ 350 องศาฟาเรนไฮด์ ประมาณ 10 นาที หรือจนขนมมีสีเหลืองนวล เมื่อเย็นนำไปอบควันเทียนให้หอม
ที่มาแหล่งข้อมูลโดย: http://naipui.tripod.com/sweet13.html
Cr. ภาพอาหาร Internet
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น