วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

โดนัทอบไส้แยมสตรอว์เบอร์รี


โดนัทอบไส้แยมสตรอว์เบอร์รี 

ใครไม่อยากกินโดนัททอดให้ระคายหุ่น ต้องลองเมนูโดนัทอบไส้แยมสตรอว์เบอร์รี สูตรจาก คุณหอมกาแฟ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้สอดไส้แยมสตรอว์เบอร์รี หรือแยมอื่น ๆ ตามชอบ พออบเสร็จก็โรยไอซิ่งก่อนเสิร์ฟ แค่ชิ้นเดียวคงไม่พอ

ส่วนผสม โดนัทอบไส้แยมสตรอว์เบอร์รี

• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วยตวง + 1/2 ถ้วยตวง (ถ้วยตวงที่ใช้อยู่สามารถตวงแป้งได้ 133 กรัมค่ะ)
• น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง (57 กรัม)
• เกลือ 1/4 ช้อนชา
• ยีสต์ 1 ซอง (7 กรัม)
• นมอุ่น 2/3 ถ้วยตวง
• น้ำมันดอกคาโนล่า 3 ช้อนโต๊ะ
• ไข่แดง 2 ฟอง
• กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ (สำหรับเติมและโรยตอนนวด) 1/2 ถ้วยตวง (66 กรัม)
• แยมสตรอว์เบอร์รี (หรือแยมอื่น ๆ ที่เราชอบ) 1 ถ้วยตวง
• เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วยตวง

วิธีทำโดนัทอบไส้แยมสตรอว์เบอร์รี

• 1. ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลทราย เกลือ และยีสต์เข้าด้วยกัน เตรียมไว้

• 2. ผสมนมอุ่น น้ำมันคาโนล่า ไข่แดง และกลิ่นวานิลลาเข้าด้วยกัน เสร็จแล้วเทลงในส่วนผสมแป้งคนผสมให้เข้ากันเล็กน้อย

• 3. นำใส่เครื่งตีแป้ง ใช้หัวตีตะขอ ตีส่วนผสมด้วยความเร็วสูงสุด นาน 2 นาที (ถ้าแป้งยังเหลวอยู่ให้เติมแป้งลงไปอีก 1/4 ถ้วย)

• 4. ปิดเครื่องแล้วนวดจนแป้งเริ่มไม่ติดมือ จากนั้นโรยแป้งลงบนโต๊ะที่จะนวดแป้งเล็กน้อย นำแป้งออกจากโถแล้วนวดด้วยมือต่อ นวดไปอีกประมาณ 50 ครั้ง (หากแป้งติดมือให้โรยแป้งเพิ่ม)

• 5. พักแป้งไว้ 10 นาที จากนั้นเตรียมถาดสำหรับอบ รองด้วยแผ่นซิลิโคน หรือกระดาษรองอบ โรยแป้งลงไปเล็กน้อยเพื่อกันติด

• 6. พอแป้งครบกำหนดจะฟูขึ้นบ้างแล้ว โรยแป้งลงบนโต๊ะอีกครั้ง นวดแล้วแผ่แป้งออกให้หนาประมาณ 1/2 นิ้ว

• 7. ใช้พิมพ์วงกลมขนาด 3 นิ้ว ตัดแป้งออกแล้ววางเรียงไว้บนถาดที่เตรียมไว้ จากนั้นคลุมแป้งด้วยผ้า พักไว้อีก 45 นาที พอพักแป้งครบ 30 นาทีแรก ให้เตรียมเปิดเตาอบรอไว้เลย ใช้ไฟบนที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส และใช้ไฟล่างที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส (แล้วแต่เตาอบด้วยนะไฟอาจไม่เท่ากัน)

• 8. เมื่อพักแป้งจนครบเวลาแล้วจะเห็นว่าแป้งขึ้นฟูสวยงาม พร้อมเข้าอบแล้ว นำเข้าอบประมาณ 12 นาที

• 9. เตรียมแยมสตรอว์เบอร์รีใส่ถุงบีบให้พร้อม

• 10. เมื่อโดนัทอบสุกแล้ว นำออกจากเตามาทาเนย (จะละลายเนยไว้ก่อนหรือทาเลยก็ได้ค่ะ)

• 11. นำไปคลุกน้ำตาลทราย (คลุกตอนที่กำลังร้อนเลย) แล้ววางพักบนตะแกรง

• 12. เจาะรูขนมด้วยไม้เสียบลูกชิ้น แล้วบีบไส้แยมที่เตรียมไว้ใส่เข้าไปในโดนัท **หมายเหตุ : หัวบีบอันนี้เล็กไป บีบไม่ออกเลยต้องเปลี่ยน ใครมีเบอร์ 5 มิลลิเมตร ก็น่าจะพอดี เราไม่มี มีแต่ 8 มิลลิเมตร ซึ่งใหญ่ไปนะ แต่ใช้อันนี้แหละ

                                                       
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

สูตรขนมรังผึ้งวิธีทำขนมรังผึ้ง


สูตรขนมรังผึ้งวิธีทำขนมรังผึ้ง

ขนมรังผึ้งสูตรแบบดั้งเดิมจะไม่มีไส้ตัวแป้งจะมีรสชาติหวานกลมกล่อมและมีกลิ่นหอม ปัจจุบันมีการดัดแปลงสูตรให้มีความน่าสนใจและน่าทานยิ่งขึ้นโดยการทำไส้ต่างๆ เช่นไส้ข้าวโพด หรือไส้ลูกเกด ทำให้เป็นขนมที่เด็กๆชอบทาน เหมาะสำหรับคุณแม่บ้านหรือคนที่สนใจนำไปทำขายเป็นอาชีพเสริมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการนำไปขายบริเวณหน้าโรงเรียนในช่วงเช้าๆและหลังเลิกเรียน ส่วนสูตรและวิธีทำขนมรังผึ้งมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

ส่วนผสมและวิธีทำขนมรังผึ้ง

- ไข่ไก่ 6 ฟอง
- แป้งสาลี 2 ½ ถ้วยตวง
- นมสด 2 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
- ผงฟู 3 ช้อนชา
- เกลือป่น ½ ช้อนชา
- เนยสด 1 ช้อนชา

วิธีทำขนมรังผึ้ง

1. นำแป้งสาลี ผงฟู และเกลือป่นผสมเข้าด้วยกันแล้วนำไปร่อน 3 ครั้งเพื่อให้แป้งเบาตัว

2. ตอกไข่ใส่ภาชนะ พร้อมน้ำตาลทราบและเนยสด ตีส่วนผสมเข้ากันจนเป็นเนื้อครีม จากนั้นใส่นมสดลงไปคนให้เข้ากัน

3. ค่อยๆใส่แป้งที่ร่อนไว้ลงไปคนเบาๆจนแป้งหมด

4. ทาเนยหรือน้ำมันที่พิมพ์ แล้ววอร์มพิมพ์โดยนำไปตั้งไ

5. เมื่อพิมพ์เริ่มร้อนดีแล้วตักส่วนผสมที่ทำไว้ใส่ลงในพิมพ์แล้วปิดฝา ประมาณ 3 นาทีขนมก็จะสุกและเริ่มได้กลิ่นหอมของขนมรังผึ้ง

ทราบสูตรส่วนผสมและขั้นตอนการทำขนมรังผึ้งกันแล้วนะคะ สำหรับคนที่มีพื้นฐานการทำขนมมาก่อนคงไม่ยาก ส่วนมือใหม่หัดทำก่อนทำขายเป็นอาชีพเสริมที่น่าสนใจผู้เขียนแนะนำให้ทดลองทำทานโดยปรับลดส่วนผสมลงตามอัตราส่วนก่อนหากมีข้อผิดพลาดจะได้ไม่เสียแป้งหรือส่วนผสมทั้งหมดค่ะ

Cr. สูตรอาหาร http://datacatalog.org/ขนมรังผึ้ง/ 
Kanom.co.th
Cr. ภาพจากอินเตอร์เน็ต

เปาะเปี๊ยสด

เปาะเปี๊ยสด สูตรโบราณ..สูตรอร่อยจริงๆอร่อยขั้นเทพถ้าทำขายรวยแน่ๆ!!!ขอบคุณเจ้าของสูตร..จาก
ายเหลือง.Com 
เครื่องปรุง ตัวเปาะเปี๊ย
1. แป้งเปาะเปี๊ยสด 1 กก.
2. เต้าหู้อ่อนขาว อย่างดี(จะมีกลิ่นหอม) 5 ก้อน (ของ นายเหลือง ใช้ตราดาว จากราชบุรีครับ)
….อันนี้หั่นยาวเอาไปทอด ให้พอตึง พักไว้รอเอาไปต้มพะโล้ต่อไป (ดูวิธีต้มพะโล้จากวีดีโอ)
3. ไข่เป็ดหรือไข่ไก่ก็ได้ 4 ฟอง (เอามาทอดเป็นแผ่นบางหั่นฝอย)
4. กุนเชียงหมูอย่างดี 3 เส้น (นำมาทอดแล้วหั่นเส้น)
5. ถั่วงอก 1/2 กก. (นำมาลวก แช่น้ำเย็นพักไว้)
6. แตงกวาใหญ่ 3 ลูก (ล้างหั่นยาวแช่น้ำเย็นพักไว้)
7. เครื่องพะโล้ ชุด สำหรับ เนื้อ 1 กก.
8. น้ำมันหอย 3 ชต.
9. น้ำตาลทราย 2 ชต.
10. ซุปผงรสดี รสหมู 2 ชต.
11. รากผักชีกระเทียมพริกไทย 3 ชต.
12. น้ำสะอาด 1 ลิตร

หมายเหต นายเหลือง ใช้ตัวช่วย คือรสดีเมนูพะโล้ซอง 1 ซอง แทนเครื่องปรุง 7-11 ครับ

วิธีทำ
เริ่มจากเอาเต้าหู้ มาหั่นเป็นท่อนยาว แล้วไปทอด ให้สุกตึง ออกสีน้ำตาลเล็กน้อยก่อนลงต้ม (เคล็ดลับเพราะ เต้าหู้ต้ม นานจะไม่แตก)

ของที่จะนำลงต้มเต้าหู้พะโล้ตานมนี้เลยครับ

น้ำเดือด ใส่เครื่องปรุงต่างๆคนให้เข้ากัน แล้วเอาเต้าหู้ที่ทอดแล้ว พร้อมเห็ดหอม มาลงต้ม ประมา 20 นาที
เสร็จแล้วเต้าหู้พะโล้ รสอร่อย เอามาเตรียมไว้

เครื่องปรุงน้ำราด
1. น้ำตาลทรายแดง 3 ชต.
2. งาขาวคั่ว 3 ชต.
3. น้ำมันงา 3 ชช
4. แป้งมันละลายน้ำ 2.5 ชต.
5. เกลือ 2 ชช.
6. น้ำสะอาด 1 ลิตร
7. น้ำต้มพะโล้ ที่เหลือ จากต้มเต้าหู้ 1/2 ลิตร (ทั้งหมด)


วิธีทำ
น้ำเดือด ลงเครื่องปรุงทั้งหมด พอเดือดอีกครังเติมแป้งมันละลายน้ำ เติมน้ำมันงา ทิ้งให้เดือดอีกครั้งจนแป้งสุกราว 3 นาที (หากแป้งมัน เราไม่ต้มจนสุก เมื่อเย็นตัวแล้ว แป้งจะคืนตัวแยกจากน้ำ แก้ไขไม่ได้ต้องกลับมาทำให้ม่นะครับ)

ส่วนใข่ ให้เอาไปมอดไปอ่อนๆเป็นแผ่น เอามา หั่นเป็นเส้น ผมใช้ไข่เป็ดเพราะหอมกว่าไข่ไก่

จากนั้นห่อด้วยแผ่นแป้งเปาะเปี๊ยด้วยเครื่องที่เตรียมไว้ ต้องใช้แบบสดใหม่ จะอร่อยกว่า ห่อง่ายไม่แตก (แป้งเก่าจะแต่ง่าย ไม่ยืดหยุ่น)

ขอบคุณข้อมูลสูตรอาหารจากนายเหลือง.Com หากเพื่อนๆอ่านสูตรแล้วไม่เข้าใจกดลิ้งค์เข้าไปดูผลงานวิธีทำจากเจ้าของสูตรได้เลยค่ะ สูตรโดยนายเหลือง.com http://9leang.com/2012/06/10/เปาะเปี๊ยสด-สูตรโบราณ-วิ/
ขอขอบคุณเจ้าของภาพจากอินเตอร์เน็ต,
Kanom.co.th



ทับทิมกรอบ

                                                               ทับทิมกรอบ

                                                                

ส่วนผสม

เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* แห้ว 800 กรัม

(ล้าง, ปอกเปลือกและหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า)

* กะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง

* เกลือป่น 2 ช้อนชา

* น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง

* น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง

* น้ำหวานแดง 1 1/2 ถ้วยตวง

* แป้งมัน 500 กรัม

* ขนุนฉีกเป็นฝอย, เมล็ดข้าวโพดสุก

(สำหรับโรยหน้า จะมีหรือไม่มีก็ได้)

วิธีทำทีละขั้นตอน


1. นำแห้วที่หั่นเสร็จแล้วไปแช่ในน้ำแดงประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ

2. นำแห้วที่แช่ในน้ำแดงไปคลุกในแป้งมันให้ติดผิว ค่อยๆคลุกให้ติดทั่วผิวแห้วทั้งหมด จากนั้น จึงนำไปต้มในน้ำเดือดจนสุกจึงนำออกมาแช่น้ำเย็น (วิธีสังเกตุ : แห้วสุกแล้วจะลอยขึ้นเหนือน้ำ)

3. เตรียมทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลกับน้ำและนำไปต้มจนเดือด คนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายดี แล้วจึงปิดไฟ

4. นำกะทิและเกลือไปใส่ในหม้อขนาดเล็ก และนำไปตั้งบนไฟอ่อนจนส่วนผสมละลายเข้ากันดี จึงปิดไฟ

5. นำเมล็ดทับทิม ไปใส่ในถ้วยเสริฟ โรยหน้าด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ราดด้วยน้ำเชื่อม,น้ำกะทิ, ขนุนฝอยและข้าวโพด (ถ้าต้องการ) เสริฟทันทีเป็นอาหารว่าง คลายร้อนในวันสบายๆ

ขอบคุณที่มาสูตร ทับทิมกรอบ

เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* แห้ว 800 กรัม

(ล้าง, ปอกเปลือกและหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า)

* กะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง

* เกลือป่น 2 ช้อนชา

* น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง

* น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง

* น้ำหวานแดง 1 1/2 ถ้วยตวง

* แป้งมัน 500 กรัม

* ขนุนฉีกเป็นฝอย, เมล็ดข้าวโพดสุก

(สำหรับโรยหน้า จะมีหรือไม่มีก็ได้)

วิธีทำทีละขั้นตอน

1. นำแห้วที่หั่นเสร็จแล้วไปแช่ในน้ำแดงประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ

2. นำแห้วที่แช่ในน้ำแดงไปคลุกในแป้งมันให้ติดผิว ค่อยๆคลุกให้ติดทั่วผิวแห้วทั้งหมด จากนั้น จึงนำไปต้มในน้ำเดือดจนสุกจึงนำออกมาแช่น้ำเย็น (วิธีสังเกตุ : แห้วสุกแล้วจะลอยขึ้นเหนือน้ำ)

3. เตรียมทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลกับน้ำและนำไปต้มจนเดือด คนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายดี แล้วจึงปิดไฟ

4. นำกะทิและเกลือไปใส่ในหม้อขนาดเล็ก และนำไปตั้งบนไฟอ่อนจนส่วนผสมละลายเข้ากันดี จึงปิดไฟ

5. นำเมล็ดทับทิม ไปใส่ในถ้วยเสริฟ โรยหน้าด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ราดด้วยน้ำเชื่อม,น้ำกะทิ, ขนุนฝอยและข้าวโพด (ถ้าต้องการ) เสริฟทันทีเป็นอาหารว่าง คลายร้อนในวันสบายๆ

ขอบคุณที่มาสูตร http://www.ezythaicooking.com/free_dessert_recipes/Water_chestnut_with_syrup_and_coconut_milk_th.html
เครดิตภาพจากอินเตอร์
ขอบคุณข้อมูลจาก Fb Chompoonut Panomai , 
Kanom.co.th

เค้กกล้วยหอมมะพร้าวอ่อน





                                   เค้กกล้วยหอมมะพร้าวอ่อน (ขอบคุณสูตรจากเนตครับ)



เอาสูตรมาฝากลองทำดูนะครับรับรองไม่ผิดหวัง..

ส่วนผสม
แป้งเค้ก 200 กรัม
ผงฟู 1 1/2 ชช
เบกกิ้งโชดา 1 ชช
ไข่ #2 3 ฟอง
น้ำตาล 150 กรัม
เกลือ 1/2 ชช
กล้วยหอม 200 กรัม
โยเกริตธรรมชาติ 1/4 ถ้วย
น้ำมะนาว 1 ชช
น้ำมัน 1 ถ้วยตวง
เนื้อมะพร้าวอ่อนสับหยาบ 50 แบ่งใว้แต่งหน้าบางส่วน (ชอบเยอะใส่เพิ่มใด้อีก)


วิธีทำ

-ร่อนแป้ง/ผงฟู/โชดา/เกลือ รวมกันพักใว้.
-กล้วยบด/น้ำมะนาว/ มะพร้าวสับหยาบ/โยเกิสต/ บดรวมกัน พักใว้
-ตีไข่/น้ำตาล ให้ฟูขาวนวล เริ่มจากต่ำไปจนสูงสุด 7-8 นาที
-ใส่ส่วนผสมแป้งที่ร่อนรวมกัน ตีผสม 2 นาที
-ใส่น้ำมันรินลงเป็นสายๆจนหมดตีผสม2 นาที
ใส่ส่วนผสมกล้วยตีผสมอีก 2 นาทีสปีดต่ำตัดฟองอากาศปิดเครื่องปาดอ่าง..
-ตักใส่ถ้วยอบแต่งหน้าด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อนตามชอบ.
ไฟ..วอมเตาใว้ 200 องศา 10 นาทีไฟบนล่าง.
ครบเวลาเอาเค้กเข้าอบลดไฟลงเหลือ 180 บนล่าง ตั้งเวลาอบ 20-22 นาที
(ทำไชร์เล็กจะอบไม่ถึง20 น)
##ขอให้มีความสุขกับการทำขนมนะครับ##
CR: pradit

เปียกปูนใบเตยกะทิสด





เปียกปูนใบเตยกะทิสด
*วัตถุดิบตัวแป้ง
1.แป้งข้าวจ้าว 1 ถ้วยตวง
2.แป้งมัน 1/4 ถ้วยตวง
3.แป้งท้าว 2 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง
5.น้ำใบเตย 2 ถ้วยตวง
6.น้ำตาลปี้บ 120 กรัม
7.น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง (เพิ่มลดตามความชอบ)
**วัตถุดิบกะทิราด
1.กะทิ 200-250 กรัม
2.เกลือ 1/2 ช้อนชา
3.แป้งข้าวจ้าว 1/2 ช้อนโต๊ะ
4.งาขาว หรือ ดำคั่ว

*วิธีทำแป้ง
1.ผสมแป้งทั้งสามอย่าง และเติมน้ำปูนใสคนให้แป้งละลาย เติมน้ำใบเตยลงไปให้หมด
2.ใส่น้ำตาลทั้งสองชนิดลงไปคนให้เข้ากัน กรองด้วยกระชอยถี่หรือผ้าขาวบาง 2 ชั้น
3.นำขึ้นตั้งไฟกลางค่อนข้างอ่อน คนตลอดจนเหนียว แป้งใส ยกลงตักใส่ภาชนะ
4.เมื่อจะเสริฟ ราดด้วยกะทิ โรยงาคั่ว

ปล.น้ำใบเตยผมใช้ใบเตยหั่น 2-3 ถ้วย ผสมหางกะทิ 2 ถ้วย ปั่นแล้วกรอง ที่ใช้หางกะทิเพราะอยากให้เนื้อแป้งมีกะทิด้วย และเสียดายครับ อิอิ
**วิธีทำกะทิราด
1.นำทุกอย่างผสมกัน และนำตั้งไฟ ใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อน คนจนข้น เริ่มเดือดปุดๆ ยกลงพักไว้

ปล. ขอขอบคุณสูตรเชฟชำนาญ (สูตรนี้จะปรับจากสูตรเดิมนิดหน่อย)
และขอขอบคุณ Srivika Sylvie Vattanakul ที่ปรับสูตรไว้ให้
เครดิต อาหารที่แม่สอน , 
Kanom.co.th


ครีมฮอร์นสังขยาใบเตย

>> ครีมฮอร์นสังขยาใบเตย <<

ส่วนผสม

1. แป้งขนมปัง 300 กรัม
2. แป้งอเนกประสงค์ 75 กรัม
3. ยีสต์ 1 1/2 ช้อนชา
4. น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ
5. นมผง 15 กรัม
6. น้ำเปล่า 150 มิลลิลิตร
7. ไข่ไก่ 1 ฟอง
8. เนยจืด 50 กรัม
9. เกลือ 1/4 ช้อนชา
10. ไส้สังขยา 250 กรัม

สำหรับทาหน้าขนมปัง
1. ไข่ไก่ 1 ฟอง
2. น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
3. เนยจืด 20 กรัม

วิธีทำ

1. อุ่นเตาอบ 175 องศาเซลเซียส
2. ผสมแป้งขนมปัง ยีสต์ นมผง น้ำตาลทรายให้เข้ากัน
3. ค่อยๆเทน้ำเปล่าลงไปผสม
4. นวดให้เข้ากันแล้วใส่ไข่ไก่
5. พอเข้ากันแล้วใส่เนยลงไปนวดต่อ
6. นวดจนก้อนแป้งเนียนและขึงเป็นฟิล์มได้
7. ทาเนยในชามผสมและบนผิวของก้อนแป้ง
8. คลุมด้วยพลาสติกคลุมอาหารและพักแป้งประมาณ 45-60 นาทีหรือก้อนแป้งขึ้นเป็น 2 เท่าตัว
9. พอแป้งได้ที่แล้วชกไล่ลมออกจากก้อนแป้ง นวดต่อ 2 นาที
10. ปั้นก้อนแป้งให้ยาวแล้วตัดแบ่ง ก้อนละ 20-30 กรัม
11. ทาเนยที่พิมพ์ครีมฮอร์น ถ้าเป็นฟอยล์ไม่ต้องทา
12. นำก้อนแป้งที่ตัดแล้วมาคลึงให้เป็นเส้นยาวประมาณ 12 นิ้ว
13. นำแป้งไปพันบนพิมพ์ให้แป้งระหว่างชั้นแนบกัน
14. ทำต่อจนหมดก้อนแป้ง
15. พักแป้งประมาณ 20 นาทีก่อนเข้าอบ
16. ทาหน้าก้อนแป้งด้วยไข่ผสมน้ำเปล่าบางๆ
17. เข้าอบ 175 องศาเซลเซียส 10-15 นาที
18. นำออกจากเตาอบทาด้วยเนยจืดบางๆ พักให้เย็น
19. ใส่สังขยาในถุงบีบ บีบไส้ใส่ในครีมฮอร์น

ที่มาสูตรขนม: http://makebreadbakery.blogspot.com/2013/11/blog-post_3.html

                       CR :  Kanom.co.th

สาคูไส้ถั่ว




สาคูไส้ถั่ว สูตรไส้อร่อยมาก สาคูไส้หมูนี้เป็นสูตรสำหรับคนที่หาหัวไชโป๊วยาก ดัดแปลงโดยใช้หอมหัวใหญ่แทน แต่ก็ยังคงความอร่อยของสาคูไส้หมูได้อย่างดี เป็นสูตรที่นุ่มกำลังดี ไส้มีกลิ่นหอม และอร่อยมาก ทานคู่กับผักสดหรือพริกสดจะเพิ่มความอร่อยขึ้นไปอีก ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเป็นดังด้านล่างค่ะ


ส่วนผสม 
สาคูเม็ดเล็ก ครึ่งถุง

น้ำร้อน 1 ถ้วย

ถั่วลิสงคั่วบด 200 กรัม

หอมหัวใหญ่ 1 หัว (อันนี้ใช้แทนหัวไชโป๊ว)

กระเทียม 1 หัว

รากผักชี (ไม่มีให้ใช้ผักชีซอยทั้งต้น)

น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทรายแดง

น้ำปลา

ซีอิ๊วดำ

ซีอิ๊วขาว

ซอสแม็กกี้

พริกไทยป่น

วิธีทำ 

-นวดสาคูด้วยน้ำร้อน แล้วพักไว้

-นำกระเทียบมาสับให้ละเอียดแล้วเจียวจนมีสีเหลืองนวลและมีกลิ่นหอม พักไว้

-เริ่มวิธีทำไส้ โดย ผัดหอม กระเทียม และรากผักชีโขลกละเอียด พอสุก ใส่หมูบดลงไป ใส่เครื่องปรุงทุกอย่าง

-หมูสุกใส่ผักชีตามลงไป (สำหรับใครที่ใส่รากผักชีแล้วไม่ต้องใส่ผักชีค่ะ)

-สุดท้ายใส่ถั่วลิสงคั่วป่น ผัดต่อจนแห้งดี

-ขั้นตอนต่อมาเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ความพิถีพิถัน คือการห่อไส้สาคู ถ้าห่อไม่ดีคือบางไปจะทำให้ไส้แตก ถ้าหนาไปก็จะไม่อร่อย เทคนิคคือ วางสาคูลงบนอุ้งมือแล้วตามด้วยไส้แล้วค่อยๆจับจีบ แล้วปั้นให้เป็นก้อนกลมๆ ลองฝึกทำกันดูค่ะ

-ต่อไปเป็นขั้นตอนการนึ่ง วางผ้าขาวบางบนลังถึง แล้ววางสาคูตามลงไป เว้นระยะสาคูสักเล็กน้อย เพราะเวลานึ่งสาคูจะใหญ่ขึ้น ใช้เวลานึ่งประมาณ 8-10 นาที

-เสร็จแล้วจัดใส่จาน โรยด้วยกระเทียมเจียว ทานคู่กับผักสด หรือพริก

รวบรวมข้อมูลโดย อร่อยเหาะดอทคอม ขอขอบคุณสูตรอาหารและภาพประกอบจากคุณ คุณไหม @ bloggang http://www.aroiho.com/สูตรขนมไทย



ปาท่องโก๋






วิธีทำปาท่องโก๋ ง่ายๆ 2 สูตรเด็ดเคล็ดลับความอร่อย ให้คุณทำขาย
สูตร 1 (แบบกรอบนอก นุ่มใน และกลวงเล็กน้อย) 
ส่วนผสม
แป้งสาลีตราฮกแดง 1 กิโลกรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
เกลือ 4 ช้อนชา
น้ำ 3¾ – 4 ถ้วย
ยีสต์ 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 2 ช้อนชา
น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
แอมโมเนีย (เช้าก่า) 1 ช้อนโต๊ะ
ผงฟู 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ผสมยีสต์ ผงฟูและแป้ง รวมกันแล้วพักไว้ ละลายน้ำตาล เกลือ แอมโมเนีย ในน้ำ เติมน้ำมันพืช ไข่ไก่
คนให้เข้ากันดี ใส่ส่วนผสมของเหลวลงในส่วนผสมแป้ง นวดให้เข้ากัน พักแป้งไว้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง
ตัดแป้งเป็นแท่งยาวๆ โรยแป้งนวลเพื่อไม่ให้ติดมื
ยืดแป้งออกให้เป็นแผ่นบางๆ หนาประมาณ ½ เซนติเมตร
ตัดเป็นชิ้นยาวๆ ใช้ไม้จุ่มน้ำแตะตรงกลาง ประกบแป้งเข้าหากัน นำไปทอดในน้ำมันที่ร้อนจัด


สูตร 2 (แบบนุ่ม มีเนื้อ เมื่อเย็นแล้วเนื้อนิ่มไม่เหนียว)
ส่วนผสม
แป้งสาลีตราฮกแดง 1 กิโลกรัม
ไข่ไก่ 1 ฟอง
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 3½ ถ้วย
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
ผงโซดาไบคาร์บอเนต 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
แอมโมเนีย (เช้าก่า) ½ ช้อนชา
ผงฟู 2 ช้อนโต๊ะ



วิธีทำ
ผสมโซดา ผงฟูและแป้ง รวมกันแล้วพักไว้ ละลายน้ำตาล เกลือ แอมโมเนีย ในน้ำ เติมน้ำมันพืช ไข่ไก่
คนให้เข้ากันดี ใส่ส่วนผสมของเหลวลงในส่วนผสมแป้ง นวดให้เข้ากัน
พักแป้งไว้ประมาณ 4-6 ชั่วโมง นำไปทอด
1. การนวดแป้ง จะไม่นวดนานเกินไป เพียงแค่นวดให้ส่วนผสมเข้ากันดีก็พอ
2. ควรละลายน้ำตาล แอมโมเนีย และเกลือในส่วนผสมที่เป็นน้ำก่อน แล้วคนให้ละลายจนหมด
จึงนำไปผสมในส่วนผสมที่เป็นของแห้ง จะทำให้ส่วนผสมเข้ากันได้เร็ว
3. อัตราส่วนระหว่างแป้งกับน้ำในแต่ละสูตร
อาจจะมีการคลาดเคลื่อนบ้างเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับความเก่าใหม่ของแป้ง
ถ้าเป็นแป้งเก่าอาจจะต้องเพิ่มน้ำบ้างเล็กน้อย
4. ควรมีการพักแป้งอย่างน้อย 3 – 4 ชั่วโมง ก่อนทอด
ถ้าทอดเร็วเกินไป ปาท่องโก๋จะเนื้อแน่น
วิธีสังเกตง่ายๆ คือ สังเกตจากแป้งจะมีฟองอากาศมาก ก็สามารถนำมาทดลองทอดได้
5. ควรใช้น้ำมันปาล์มในการทอด
และน้ำมันที่เหลือแต่ละครั้งควรนำมากรอง ด้วยผ้าขาวบางทุกครั้งก่อนที่จะนำมาทอดใหม่
และควรเปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ทอดบ่อยๆ
ถ้าน้ำมันเก่ามากจะเกิดสารพิษในน้ำมัน ทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
6. ความร้อนที่ใช้ทอดควรใช้ความร้อนปานกลาง ถ้าใช้ไฟแรงเกินไป
จะทำให้ผิวของปาท่องโก๋ไม่สวย มีสีไม่สม่ำเสมอ และผิวนอกนิ่มไม่กรอบ
7. การตัดแป้ง ควรแผ่นแป้งให้หนาประมาณ ½ เซนติเมตร
หากแป้งหนามากเกินไปจะทำให้แป้งเนื้อแน่น
เวลาแตะน้ำติดตรงกลาง ประกบติดกัน ไม่ต้องบีบแป้งแน่น
เพราะถ้าบีบแป้งแน่นเกินไป จะทำให้ตัวขนมไม่กางออกมาเวลาทอด
8. เวลาทอด เมื่อหย่อนแป้งลงในน้ำมัน พอแป้งลอยขึ้นมา ควรใช้ตะเกียบพลิกกลับไปกลับมา
จะทำให้แป้งแห้งฟูและพองตัวดี ที่สำคัญอย่าใส่ปาท่องโก๋มากเกินไปในการทอดแต่ละครั้ง
9. เราสามารถตัดยีสต์ที่อยู่ในสูตรออกได้ ถ้าต้องการให้ขนมขึ้นช้าหรือกลัวทอดไม่ทันขาย
แต่ต้องใช้เวลาในการหมักให้นานขึ้น
และถ้าอยากให้ปาท่องโก๋มีรสชาติดีขึ้น ให้ให้เติมผงชูรสลงไปในสูตร 2-3 ช้อนชา
ขอบคุณสูตรอาจารย์นวรัตน์ เอี่ยมพิทักษ์กิจ เอื้อเฟื้อสูตรและเทคนิคการทำปาท่องโก๋
เครดิตภาพจากอินเตอร์เน็ต
ขอบคุณข้อมูล fb Chomphoonut Pamomai

กะหรี่พัพฟ์ไส้ไก่

กะหรี่พัพฟ์ไส้ไก่สูตรอร่อยชัวร์ทำขายรวย
ซึ่งสูตรกะหรี่พัพฟ์ที่เรานำมาฝากจาก คุณสมาชิกหมายเลข 2163442 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เป็นกะหรี่พัพฟ์ไส้ไก่ (เป็นสูตรที่ได้เรียนมาจาก อาจารย์ เนาวรัตน์ เอี่ยมพิทักษ์) ทำออกมาแล้วน้าตาดีชวนอยากให้หยิบขึ้นมากินเดี๋ยวนั้นเลย ใครสนใจอยากลองทำกะหรี่พัพฟ์กินเองแล้ว หรือจะทำขายหาเงินเข้ากระเป๋าก็ลุยกันเลย
ส่วนผสม ไส้กะหรี่พัพฟ์
หอมใหญ่ (หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก) 100 กรัม
หอมแดงสับ 20 กรัม
เนื้ออกไก่ 200 กรัม
มันเทศ หรือ มันฝรั่ง (หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก) 300 กรัม (นำไปต้มให้สุกประมาณ 5 นาที แล้วสะเด็ดน้ำพักไว้ **แต่สูตรนี้ใช้มันเทศสีม่วงเพราะสีสวย**)
ซอสปรุงรส 2-3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
ผงกะหรี่ 1 1/2 ช้อนชา
เนยสดเล็กน้อย (สำหรับผัด) **หรือใช้น้ำมันพืชชธรรมดาก็ได้ แต่เนยจะหอมได้กลิ่นและน่ากินมากเมื่อผัดกับหอมใหญ่**
วิธีผัดไส้กะหรี่พัพฟ์
วิธีทำ
1. ใส่เนยลงในกระทะเล็กน้อย
2. พอเนยร้อนใส่หอมใหญ่ลงไปผัดให้เหลืองหอม
3. ตามด้วยหอมแดง ผัดให้หอม
4. ใส่เนื้อไก่ลงไปผัดจนสุก
5. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ซอสปรุงรส เกลือป่น พริกไทยป่น และผงกะหรี่
6. ใส่มันต้มสุกลงไปผัดให้เข้ากัน
7. ผัดจนให้ส่วนผสมแห้งดี ยกลงจากเตา ตักใส่จานพักไว้จนส่วนผสมแห้งสนิท
แป้งกะหรี่พัพฟ์
ส่วนผสม แป้งชั้นใน
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 140 กรัม
น้ำมันพืช 6 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ แป้งชั้นใน
1. ร่อนแป้ง 1 ครั้ง แล้วทำหลุมตรงกลางแป้ง
2. ใส่น้ำมันพืชลงไปในหลุม ใช้ไม้พายคนตะล่อมจนแป้งจับตัวเป็นก้อน จากนั้นใช้มือนวดจนแป้งเนีย
ส่วนผสม แป้งชั้นนอก
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 270 กรัม
น้ำมันพืช 6 ช้อนโต๊ะ
น้ำเย็น 6 ช้อนโต๊ะ
น้ำปูนใส 6 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำ แป้งชั้นนอก
1. ร่อนแป้ง 1 ครั้ง แล้วทำแป้งเป็นหลุมตรงกลาง
2. ผสมน้ำปูนใส น้ำตาลทราย เกลือป่น และน้ำเย็นเข้าด้วยกัน คนผสมให้ละลาย
3. เทน้ำมันพืชและน้ำที่ผสมไว้ลงไปในหลุมแป้งแล้วนวดพอเข้ากัน
หลังจากทำแป้งทั้ง 2 ชั้นเสร็จแล้ว แบ่งแป้งทั้งสอง เป็น 10 ก้อนขนาดเท่า ๆ กัน (สูตรนี้จะได้ 10 ก้อน แป้งใน 30 กรัม แป้งนอก 50 กรัม จะได้กะหรี่พัพฟ์ทั้งหมด 30 ตัวค่ะ)
แผ่แป้งชั้นนอกเป็นแผ่น ๆ แล้วนำไปหุ้มแป้งชั้นในให้มิด คลึงเป็นก้อนกลม ๆ แล้วพักแป้งทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที
นำแป้งที่พักแล้วมารีดเป็นแผ่นยาว ๆ **โดยรีดขึ้น-ลงเท่านั้น** แล้วม้วนแป้ง (ตามภาพ) ให้แน่น
วิธีการห่อกะหรี่พัพฟ์
นำแป้งที่ม้วนไว้ 1 ก้อน มารีดตามยาวให้ได้ความยาวประมาณ 5-6 นิ้ว (**รีดขึ้น-ลงเท่านั้น ห้ามรีดไปด้านข้าง**) จากนั้นม้วนแป้งให้แน่น
จับแป้งวางแนวตั้งแล้วรีดให้ได้ความยาวประมาณ 10-11 นิ้ว จากนั้นม้วนแป้งให้แน่น
ตัดแบ่งแป้งเป็น 3 ส่วน พักแป้งแล้วรีดอีกครั้ง (ทำเหมือนเดิม พักแป้งอีกครั้งประมาณ 10 นาที แต่จริง ๆ แล้ว พอรีดแป้งหมดแล้ว แป้งที่รีดไปก่อนก็พร้อมตัดแบ่งพอดีเลยค่ะ ไม่ต้องรอพักนาน เอาด้านที่สวยคว่ำลง (ด้านที่โดนมีดหั่นค่ะ) จับปลายแป้งมาแปะไว้ตรงกลาง)
รีดแป้งออกเป็นแผ่นวงรี หนาประมาณ 1/8 นิ้ว
ตักส่วนผสมไส้ใส่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
จับริมแป้งแล้วพับทบเข้าหากัน บีบริมแป้งให้แน่น ๆ แล้วจับจีบให้สวยงาม ทำจนหมด เตรียมไว้
นำกะหรี่พัพฟ์ที่ห่อแล้วไปทอดในน้ำมันร้อน ๆ ใช้ไฟค่อนข้างอ่อน หมั่นพลิกไปพลิกมาเรื่อย ๆ จนขนมเป็นสีเหลืองสวย จากนั้นเร่งไฟแรงก่อนตักขึ้น (**เคล็ดลับ : กะหรี่พัพฟ์จะได้ไม่อมน้ำมัน**) จากนั้นตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พร้อมเสิร์ฟ
ขอบคุณข้อมูลสูตรอาหาร คุณสมาชิกหมายเลข 2163442 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
อ้างอิงจากเว็บกระปุกดอจคอมhttp://cooking.kapook.com/view116161.html
เครดิตภาพจากอินเตอร์เน็ต
ขอบคุณข้อมูล fb Chomphoonut Panomai



ขนมลูกชุบ






วิธีทำขนมลูกชุบสีสวยสด สวยจนไม่กล้าทานเสียดายน่ะ
เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* ถั่วเขียว 450 กรัม

* น้ำตาลทราย 200 กรัม (สำหรับผสมถั่ว)
* น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับทำน้ำวุ้น)
* น้ำกะทิ 400 กรัม
* วุ้นผง 3 ช้อนโต๊ะ
* น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำวุ้น)
* สีผสมอาหาร
(อย่างน้อยแม่สี 3 สี : สีแดง, สีเหลืองและน้ำเงิน),
จานสีและพู่กัน
* ไม้จิ้มฟัน
(สำหรับเสียบถั่วที่ปั้นแล้วเพื่อแต่งสีและจิ้มลงในน้ำวุ้น)
* โฟม
(สำหรับเสียบถั่วปั้นระหว่างทำ ถ้าวางบนพื้นจะเสียทรง)
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกมาทำความสะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปนึ่งให้สุก ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)
2. เมื่อถั่วเขียวสุกดีแล้ว ให้นำไปใส่ในเครื่องปั่นไฟฟ้า พร้อมกับน้ำตาลทรายและน้ำกะทิ ปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
3. จากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็ได้)และตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆกวนจนข้นและเหนียว (ใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาที) จึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น (ถั่วต้องแห้ง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถนำไปปั้นได้)
4. ก่อนปั้นให้นวดส่วนผสมทั้งหมดอีกครั้งจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงปั้นให้เป็นรูปทรงตามใจชอบ (ผัก, ผลไม้หรือสัตว์น่ารักๆ) เมื่อปั้นเสร็จให้เสียบไม้จิ้มฟันรอไว้ ควรปั้นส่วนผสมทั้งหมดให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ถั่วที่ปั้นเสร็จแล้วควรห่อไว้ด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆ
5. ผสมสีผสมอาหารตามต้องการ แล้วจึงบรรจงแต่งสีลงบนถั่วปั้นให้เหมือนจริง หรือตามแต่ความชอบ
6. ทำน้ำวุ้นโดยผสมน้ำเปล่า, ผงวุ้นและน้ำตาล ลงในหม้อ นำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง หมั่นคนอย่างสม่ำเสมอ รอจนส่วนผสมเดือด ช้อนฟองที่ลอยหน้าออก จึงหรี่ไฟลง
7. นำถั่วปั้นที่แต่งสีแล้วไปชุบในน้ำวุ้น ควรชุบประมาณ 2 - 3 ครั้ง ระหว่างชุบวุ้นต้องอุ่นน้ำวุ้นด้วยไฟอ่อนเพื่อไม่ให้วุ้นแข็ง ถ้าไม่พอก็ผสมน้ำวุ้นขึ้นใหม่ตามอัตราส่วนข้างต้น
8. นำลูกชุบออกจากไม้ิจิ้มฟัน ตัดแต่งเศษวุ้นส่วนเกินออกด้วยกรรไกร จัดใส่จาน เสริฟเป็นของว่างในวันสบายๆได้ทันที
เครดิตทีมาสูตรจากเว็บhttp://www.ezythaicooking.com/…/Green_peanut_in_jelly_th.ht…
เครดิตภาพจากอินเตอร์เน็ต
ขอบคุณข้อมูล 
Kanom.co.th

ขนมตาล




ขนมตาล สูตรขนมไทยสีเหลืองนวลเนื้อเหนียวนุ่ม หอมอร่อย

ส่วนผสมขนมตาล

- น้ำตาลทราย 400 กรัม
- กะทิ 3 ถ้วย
- เนื้อลูกตาลสุก 350 กรัม
- แป้งข้าวเจ้า 500 กรัม
- ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
- มะพร้าวทึนทึกขูดเส้นเล็ก (คลุกเกลือเล็กน้อยสำหรับโรยหน้า) 2 ถ้วย

วิธีทำขนมตาล

1. ละลายน้ำตาลทรายในกะทิ เติมเนื้อลูกตาลลงไป คนให้เข้ากัน จากนั้นใส่แป้งและผงฟูลงไป คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันจนเนียน

2. กรองส่วนผสมด้วยผ้าขาวบาง พักไว้ ประมาณ 10 นาทีให้ส่วนผสมขึ้น

3. ระหว่างรอขนมขึ้น ใส่น้ำในลังถึง ตั้งไฟกลางเตรียมไว้ เรียงถ้วยตะไลลงในลังถึง พอส่วนผสมครบเวลา ตักส่วนผสมยอดลงในถ้วยตะไลจนเต็มถ้วย โรยด้วยมะพร้าวทึนทึก นึ่งบนน้ำเดือดประมาณ 15-20 นาที จนกระทั่งสุก ยกลงจากเตา พักให้เย็นแซะออกจากถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

Tip : เนื้อลูกตาลสุกซื้อได้ที่ตลาดมหานาคตอนกลางคืน ตั้งแต่เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งจะมีขายตั้งแต่เดือนปลายเดือนมกราคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี

Cr. สูตรอาหาร http://cooking.kapook.com/view88729.html
Cr. ภาพอาหาร Internet

ขอบคุณข้อมูล Kanom.co.th